พื้นไม้ลามิเนต เป็นวัสดุที่ใช้ทดแทนไม้พื้นธรรมชาติยอดนิยม ที่คนส่วนใหญ่เลือกนำมาใช้ปูพื้นบ้าน ด้วยความสวยงามของลวดลายไม้ ให้ความสัมผัสเสมือนไม้จริงในราคาที่ไม่แพง สามารถติดตั้งได้ง่าย และยังทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี
พื้นไม้ลามิเนตเหมาะกับการใช้งานรูปแบบไหน..?
พื้นไม้ลามิเนต สามารถใช้สำหรับ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร พื้นอาคาร พื้นสำนักงาน ซึ่งทำให้สร้างความโดดเด่นและสวยงามอย่างลงตัว แต่ ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตไว้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง
โครงสร้างของพื้นไม้ลามิเนต
- Melamine Resin : ชั้นผิวหน้าเคลือบเมลามีนเรซิ่นที่มีส่วนประกอบของอลูมินั่มออกไซค์ทำให้ผิวหน้ามีความแข็งแรง ทนทานต่อรอยขูดขีด
- Decorative Layer : ชั้นลวดลายไม้ที่มีความสวยงามเสมือนไม้ธรรมชาติ
- HDF Core : ชั้นของแผ่นไม้บดผสมกาวเรซิ่น อัดด้วยความร้อน และแรงดันสูงทำให้แผ่นไม้มีเสถียรภาพสูง มีอัตราการพองตัวต่ำกว่า 8% ได้รับมาตรฐาน E1 จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- Balancing Layer : ชั้นล่างสุดของแผ่นไม้ ให้เสถียรภาพกับแผ่นไม้ และป้องกันความชื้น
- Click Lock System : เป็นระบบที่ทำให้งานติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตสมบูรณ์แบบที่สุด ทำให้ได้รอยต่อของแผ่นไม้ที่เรียบสนิทโดยไม่ต้องใช้กาว
- Special Coating : เคลือบสารพิเศษบริเวณส่วนร่อง-ลิ้นเพื่อป้องกันความชื้น ช่วยลดอัตราการบวมพองของแผ่นไม้
ข้อแนะนำในการดูแลรักษาพื้นไม้ลามิเนตให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
- หลีกเลี่ยงการขัด – ถู ลงแว๊กซ์ หรือขัดมันอย่างเด็ดขาด
- หลีกเลี่ยงการลากเฟอร์นิเจอร์ที่ขาดการติดตั้งที่ถูกวิธี หรือปราศจากแผ่นสักราด / ยางรอง
- ระมัดระวังความเสียหายที่เกิดจากของหนักตกหรือหล่นกระแทกพื้นรอยขีดข่วนจากของมีคม
- หลีกเลี่ยงพื้นที่เปียกชื้น มีน้ำขัง ความร้อนอันเกิดจากเปลวไฟ สารเคมีหรือสารปนเปื้อนต่างๆ
- ควรวางพรมเช็ดเท้าก่อนเข้าห้องหรือพื้นที่ใช้งาน เพราะเศษวัสดุที่ติดมากับรองเท้าอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบริเวณพื้นได้
- เหมาะสำหรับปูในพื้นที่แห้งและปราศจากความชื้น
- บริเวณที่แสงแดดจัดควรมีผ้าม่าน หรือ มู่ลี่กันแสงแดดส่องถึง
การดูแลรักษาและทำความสะอาดไม้พื้น
- ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาทำความสะอาดพื้นเพียงเล็กน้อยบิดหมาดๆ ทำความสะอาดเพียงสัปดาห์ละครั้ง แต่หากพื้นไม้ลามิเนตมีรอยเปื้อนสารเคมี เช่น น้ำยาทาเล็บ ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำมันสนเช็ดรอยเปื้อนจากนั้นค่อยใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดแล้วตามด้วยผ้าแห้ง
- หากพื้นไม้ลามิเนตเกิดรอยไหม้จากบุหรี่ก็ให้ทำความสะอาดวิธีเดียวกับพื้นไม้ลามิเนตที่มีรอยเปื้อนสารเคมี เพราะรอยคราบที่เกิดไม่ใช่รอยเผาไหม้ แต่เป็นคราบนิโคติน ซึ่งสามารถเช็ดออก
- หากน้ำหกใส่พื้นไม้ลามิเนต สิ่งแรกที่ควรทำคือ รีบเช็ดน้ำให้แห้งทันที เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานน้ำอาจซึมเข้าที่รอยต่อระหว่างแผ่น ทำให้เกิดความเสียหายได้ และไม่ควรปล่อยให้น้ำท่วมพื้นไม้เป็นเวลานาน
- หากมีการเคลื่อนย้าย หรือเลื่อนเฟอร์นิเจอร์ที่มีขาหรือฐานเป็นเหล็กแหลมคม ควรหาผ้ามารองที่ฐานก่อนเลื่อน เพื่อไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นไม้ลามิเนต
ปูพื้นลามิเนต ติดตั้งอย่างไร?
ก่อนการติดตั้ง พื้นไม้ลามิเนต จำเป็นต้องทำการตรวจสอบก่อนว่าพื้นที่ที่ต้องการติดตั้งนั้น มีพื้นผิวที่เหมาะสม และพร้อมสำหรับการติดตั้งหรือไม่ โดยการตรวจสอบพื้นผิวที่เหมาะกับการ ปูพื้นลามิเนต ในเบื้องต้น สามารถทำได้ ดังนี้
- การปูพื้นลามิเนตทับพื้นซีเมนต์ขัดหยาบที่เป็นพื้นใหม่ สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องขัดมัน แต่ทั้งนี้ จำเป็นต้องต้องตรวจสอบระดับความชื้นของพื้นด้วย โดยค่าความชื้นก่อนการติดตั้ง สามารถวัดได้ด้วยเครื่องวัดความชื้น ซึ่งค่าความชื้นที่วัดได้ต้องไม่เกิน 5%
นอกจากระดับความชื้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องตรวจสอบ คือ ระดับของพื้นผิวก่อนการติดตั้ง โดยสามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยเครื่องวัดระดับเลเซอร์ หรือใช้ไม้สามเหลี่ยมวัดระดับ ซึ่งระดับพื้นที่เหมาะสมของการ ปูพื้นลามิเนต ต้องมีระดับสูงต่ำแตกต่างกันไม่เกิน 3 มิลลิเมตร เพราะหากระดับพื้นแตกต่างกันมากจนเกินไปเมื่อทำการปูพื้นเรียบร้อยแล้ว จะเกิดปัญหาการยุบตัวของพื้นไม้ลามิเนต หรือที่เรียกกันว่าพื้นยวบได้
- การปูพื้นลามิเนตทับพื้นซีเมนต์ขัดมัน หรือพื้นซีเมนต์ขัดหยาบ จำเป็นต้องทำการตรวจสอบทั้งเรื่องของความชื้น และเรื่องของระดับพื้นเช่นกัน แต่หากตรวจสอบแล้วพบปัญหาพื้นซีเมนต์เดิมไม่ได้ระดับ สามารถแก้ไข ทำการปรับระดับใหม่ได้ โดยต้องระมัดระวัง และตรวจสอบให้แน่ใจว่า พื้นที่เทปรับระดับใหม่กับพื้นเดิม จะประสานกันได้สนิท 100% และมีความแข็งแรง
- การปูพื้นลามิเนตทับพื้นกระเบื้องเดิม หากกระเบื้องเดิมไม่มีความเสียหาย เช่น กระเบื้องแตก โก่ง หรือกระเบื้องร่อนอยู่ก่อนแล้ว ก็มักไม่มีปัญหาในเรื่องระดับของพื้นมากนัก เพราะพื้นกระเบื้องเดิมมักมีการทำระดับไว้เรียบร้อยมาก่อนอยู่แล้ว รวมถึงพื้นกระเบื้อง มักจะมีค่าการป้องกันความชื้นสูงอยู่แล้วเช่นกัน ซึ่งหากตรวจสอบแล้วไม่พบปัญหาทั้งสองส่วนนี้ ก็ให้ทำการเก็บความเรียบร้อยบริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นกระเบื้องด้วยการใช้ปูนกาว หรือฟุตติ้งที่มีความแข็งแรงสูง เพื่อให้พร้อมสำหรับการปูพื้นลามิเนต และช่วยป้องกันปัญหาพื้นลามิเนตยุบตัวหลังการติดตั้งด้วย
- การปูพื้นลามิเนต กับพื้น Self Leveling เนื่องจากพื้นซีเมนต์เดิมไม่ได้ระดับ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาเรื่องระดับพื้นผิว ที่เหมาะสมกับการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต เพราะพื้น Self Leveling นั้น เป็นการใช้ซีเมนต์ปรับระดับแบบไหลตัวง่าย สามารถไหลปรับระดับได้ด้วยตัวเอง จึงทำให้พื้นได้ระดับแบบ 100%
การทำพื้น Self Leveling จะสามารถนำมาใช้ปรับระดับบนพื้นซีเมนต์แบบขัดหยาบ เพื่อให้ได้ระดับความหนาตามที่ต้องการได้ โดยระดับความหนาที่พื้น Self Leveling ทำได้จะอยู่ที่ขั้นต่ำ 3 มิลลิเมตร หากบางกว่านั้น อาจทำให้เกิดโอกาสแตกร้าวได้ ซึ่งแม้ว่าวิธีนี้ จะเป็นวิธีแก้ระดับพื้นซีเมนต์เดิมที่ค่อนข้างสะดวกและรวดเร็ว แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูงเหมือนกัน
วิธีปูพื้นลามิเนต อย่างถูกต้องทำได้อย่างไร?
หลังจากตรวจสอบ และจัดเตรียมพื้นผิวเดิม ที่ต้องการติดตั้งพื้นลามิเนตทับ จนมั่นใจว่าเรียบร้อยดีแล้ว สามารถเริ่มขั้นตอนการติดตั้งได้เลย โดย วิธีการปูพื้นลามิเนต มีขั้นตอน ดังนี้
- เมื่อเตรียมพื้นผิวที่ต้องการติดตั้งทับเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการปูแผ่นโฟมรองพื้นปรับระดับ หรือ PE-Foam ความหนา 2 มิลลิเมตร เพื่อช่วยปรับระดับของพื้นไม้ลามิเนตให้เรียบเสมอกัน ช่วยป้องกันความชื้นจากพื้นด้านล่างขั้นมาบนพื้นลามิเนต อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดเสียงกระทบระหว่างพื้นลามิเนต และพื้นซีเมนต์ หรือพื้นกระเบื้องที่อยู่ด้านล่าง ไม่ให้เกิดเสียงรบกวน รวมทั้งช่วยให้สัมผัสของพื้นลามิเนต มีความนุ่มสบายเท้าขณะเดิน
ซึ่งขั้นตอนการรองโฟมนี้ อาจทำให้ขึ้นตะเข็บสันตรงรอยต่อระหว่างแผ่นลามิเนต แต่สามารถทำการแก้ไขปิดรอยต่อของแผ่นโฟม ปรับระดับได้ด้วยการใช้เทปกาวก่อนปูแผ่นลามิเนตทับลงไป
- วางลิ่มไม้หนาประมาณ 12-15 มิลลิเมตร ที่ริมผนังทุกด้าน เพื่อกั้นระหว่างผนังกับพื้นไม้ลามิเนต เป็นการเว้นช่องว่างไม่ให้พื้นไม้ลามิเนตขยายตัวไปชนกับผนัง เพราะหากแผ่นไม้ลามิเนต มีการขยายตัวจนชนผนัง จะมีผลทำให้แผ่นลามิเนตเกิดการโก่งตัวจนเห็นเป็นสันตะเข็บระหว่างรอยต่อ รวมถึงทำให้เกิดความรู้สึกยวบเท้าเวลาเดินด้วย
- กำหนดรูปแบบ และทิศทางที่ต้องการปูพื้นลามิเนต โดยสามารถกำหนดได้อย่างอิสระตามรูปแบบที่ชอบ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว จะนิยมกำหนดทิศทางให้เป็นแนวขนานกับประตูห้อง หรือประตูบ้าน
- การเริ่มติดตั้งแผ่นพื้นไม้ลามิเนต แผ่นแรกตามทิศทางที่กำหนดไว้ ให้เริ่มติดตั้งบริเวณแนวประตูก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นทำการตัดพื้นไม้ลามิเนต เข้าระหว่างบังใบประตู โดยให้ขอบของแผ่นพื้นไม้ลามิเนตอยู่ตรงบังใบ เพื่อให้แผ่นลามิเนตตรงประตูเป็นแผ่นเต็มแบบไร้การต่อ นอกจากจะเพื่อความสวยงามแล้ว ยังให้ความแข็งแรงอีกด้วย
ส่วนกรณีที่ต้องการปูพื้นลามิเนตที่ชั้นสองของบ้าน แนะนำว่าควรเริ่มปูพื้นไม้ลามิเนตแผ่นแรก บริเวณแนวบันไดติดกับลูกตั้งบันไดขั้นสุดท้าย โดยเว้นระยะห่างจากแนวลูกตั้งบันไดประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อเว้นไว้ติดตั้งตัวจบจมูกบันได้ด้วย
- เมื่อเริ่มติดตั้งแผ่นพื้นไม้ลามิเนตแผ่นแรกแล้ว ให้ทำการปูแผ่นพื้นไม้ลามิเนตไปตามทิศทางที่กำหนดไว้ จากซ้ายไปขวา หรือจากขวาไปซ้าย ทางใดทางหนึ่ง โดยเมื่อปูไปจนถึงผนังที่ระดับลิ่มไม้ ต้องระมัดระวังอย่าปูแผ่นพื้นลามิเนตจนชิดขอบผนัง เพราะจะไม่มีช่องว่างให้พื้นลามิเนตขยายตัว
- การต่อแผ่นพื้นไม้ลามิเนตด้วยระบบคลิกล็อค สามารถทำได้โดยวางแผ่นลามิเนตให้เอียงประมาณ 45 องศา และกดให้แผ่นลามิเนตเข้าคลิก จากนั้นให้ใช้ฆ้อนยางตอกลงบนแผ่นพื้นไม้ลามิเนตเบา ๆ เพื่อให้คลิกเข้าล็อคได้แนบสนิท จากนั้นให้ทำการปูพื้นลามิเนตไปเรื่อย ๆ จนเต็มพื้นที่
- เมื่อปูพื้นลามิเนตจนเต็มพื้นที่แล้ว ให้ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งว่า มีจุดไหนที่ติดตั้งไม่แน่นหนา หรือคลิกล็อคระหว่างแผ่นไม่เรียบร้อยหรือไม่ หากพบจุดที่ไม่เรียบร้อย ให้ลงมือแก้ไขก่อนไปขั้นตอนถัดไป
- นำลิ่มไม้ที่วางไว้ข้างผนังแต่ละด้านออก จากนั้นติดบัวพื้น PVC ข้างผนังรอบพื้นไม้ลามิเนต โดยให้ปิดทับช่องว่างระหว่างพื้นไม้ลามิเนตและผนัง ก่อนจะเก็บความเรียบร้อย ด้วยซิลิโคนสีเดียวกันกับพื้นลามิเนต และบัวพื้น PVC
- ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนทำความสะอาดพื้นที่ และในกรณีที่ต้องมีการทำงานซ่อมแซมส่วนอื่น ๆ ของบ้านเพิ่มเติม แนะนำให้ใช้กระดาษลูกฟูกกันรอยขีดข่วนมาปูบนพื้นลามิเนต เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากงานส่วนอื่น ๆ
แวะชมสินค้าของเราได้ที่ www.homehub.co.th