หมวดหมู่สินค้า

Projects & Ideas

ไม้พื้นสำเร็จรูป SPC HOOM DOT รุ่น CD13031-13 GREY OAK (1:10)

฿1,030
  • ใช้สำหรับปูพื้นภายใน ไม่เหมาะสำหรับพื้นห้องน้ำ
  • ความหนารวมโฟม 7.5 mm
  • 1 กล่องมี 10 แผ่น
  • ปูได้ 2.19 ตร.ม
  • ขนาด 1220 x 180 x 6 mm.
หยิบใส่ตะกร้า

ไม้พื้นสำเร็จรูป SPC รุ่น HONEY OAK

฿1,030
  • ใช้สำหรับปูพื้นภายใน ไม่เหมาะสำหรับพื้นห้องน้ำ
  • ความหนารวมโฟม 7.5mm
  • 1 กล่องมี 10 แผ่น
  • ปูได้ 2.19 ตร.ม
  • ขนาด 1220 x 180 x 6 mm.
อ่านเพิ่ม

ไม้พื้นสำเร็จรูป SPC HOOM DOT รุ่น CD13031-13 GREY OAK (1:12)

฿1,054
  • ใช้สำหรับปูพื้นภายใน ไม่เหมาะสำหรับพื้นห้องน้ำ
  • ความหนารวมโฟม 5.5 mm
  • 1 กล่องมี 12 แผ่น
  • ปูได้ 2.64 ตร.ม
  • ขนาด 1220 x 180 x 4 mm.
หยิบใส่ตะกร้า

สินค้าแนะนำ

วัสดุปูพื้นและผนัง

พื้น คือส่วนที่เราใช้งานอยู่ทุกวัน เพราะเราต้องเดินอยู่บนพื้นบ้านพื้นอาคาร พื้นจึงเป็นส่วนสำคัญ เพราะพื้นไม่เพียงครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในบ้าน แต่ยังทำหน้าที่รองรับน้ำหนักกดทับต่าง ๆ ด้วย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ ดังนั้นการเลือกวัสดุปูพื้นก็เป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกัน ซึ่งในท้องตลาดปัจจุบัน วัสดุที่ใช้ในการปูพื้นมีอยู่มากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป การจะตัดสินใจเลือกใช้ก็ควรคำนึงถึงความต้องการและประโยชน์ในการใช้สอยภายในบ้านของเรา

เปรียบเทียบวัสดุปูพื้นชนิดต่างๆ


ไม้จริง (Wood) พื้นไม้จริงหรือ Solid Wood Flooring คือไม้จริงตามธรรมชาติ มีอยู่มากมายหลายชนิดตามพันธุ์ไม้ ตัวอย่าง เช่น ไม้โอ้ค ไม้แอช ไม้เมเปิ้ล ไม้สัก ไม้ตะแบก ไม้มะค่า ไม้แดง และอื่นๆ ทั้งนี้ลูกค้าจะเลือกใช้ไม้ชนิดใดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการเกี่ยวกับ สีธรรมชาติของไม้ชนิดนั้นๆ อาทิเช่นไม้โอ้คจะมีสีเหลือง ไม้บีชสีจะออกส้ม ไม้เมเปิ้ลจะออกขาวนวลๆ และ ไม้วอลนัทจะออกเป็นสีน้ำตาล เป็นต้น ถ้าเรากล่าวถึงความคงทนของไม้นั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ว่าเป็นไม้เนื้อแข็งหรือเป็นไม้เนื้ออ่อน พื้นไม้จริงให้ความสวยงามเป็นธรรมชาติ สามารถทำสีได้ หลากหลาย โดยลายไม้สวยงามเป็นไปตามธรรมชาติ สีเข้มอ่อน สลับกันไปเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่สามารถกำหนดได้ แต่ผิวหน้าอาจไม่แข็งแรงคงทนเมื่อเทียบกับวัสดุ พื้นไม้ลามิเนต อย่างไรก็ตามพื้นไม้จริงนั้นสามารถขัดทำสีผิวหน้าไม้ได้หลายรอบ เมื่อผิวหน้าเป็นรอยหลังผ่านการใช้งานไป หลังจากที่ขัดทำสีออกมา ก็จะได้ไม้เหมือนใหม่อีกครั้งหนึ่ง

กระเบื้องยาง (Vinyl Tile) ปัจจุบันกระเบื้องยางมีการพัฒนาลวดลายออกมาหลากหลาย และที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน คือ กระเบื้องยางลายไม้ ซึ่งผลิตออกมาลอกเลียนแบบ พื้นไม้จริง และ ทดแทน พื้นไม้ลามิเนต เนื่องจากกระเบื้องยางผลิตจากวัสดุ PVC มีคุณสมบัติทนต่อ น้ำและ ความชื้นได้ดี โดยกระเบื้องยาง มีหลากหลายสี และลวดลายให้เลือก ในอดีตกระเบื้องยางนิยมติดตั้งในโรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันกระเบื้องยางถูกพัฒนาให้มีความสวยงามมากขึ้น และ เริ่มแพร่หลายมากขึ้นทั้งในอาคารสำนักงาน และ ที่อยู่อาศัย กระเบื้องยางในปัจจุบัน มีหลายขนาด ทั้งที่เป็นกระเบื้องยางลายไม้ และ ลายปูนเปลือย ได้แก่ขนาดความหนา 2,3 และ 4 มิลลิเมตร สำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตั้งพื้นกระเบื้องยางที่มีขนาดความหนา 2 หรือ 3 มิลลิเมตร จะต้องเตรียมพื้นโดยการปรับระดับให้เรียบ โดยการขัดมัน จึงจะทำให้ผลการติดตั้งออกมาสวยงาม เนื่องจากกระเบื้องยางขนาด 2 และ 3 มิลลิเมตร ค่อนข้างบาง ติดตั้งโดยการทากาว หากปรับระดับไม่เรียบ จะเห็นได้ชัดว่าพื้นเป็นคลื่น ซึ่งปัญหานี้จะหมดไปในกระเบื้องยางความหนา 4 มิลลิมเตรขึ้นไป เนื่องจากพื้นกระเบื้องยางขนาด 4 มิลลิเมตรขึ้นไปจะเป็นวัสดุที่มีลิ้น ติดตั้งด้วยระบบคลิกล็อก โดยไม่ต้องใช้กาวเลย เป็นการปูลอยคล้ายๆกับการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต แต่ไม่ต้องใช้ฟิล์มโฟมรองพื้นก่อนติดตั้งพื้นกระเบื้องยาง หลังจากติดตั้งเสร็จ จะต้องมีการลง Wax และ ขัด บ่อย ๆ จึงจะมีความเงางาม

พื้นไม้กันน้ำ หรือ WPC (Wood Plastic Composite) พื้นไม้กันน้ำ มีส่วนประกอบที่ผลิตจากใยไม้ และ PVC โดยพื้นไม้กันน้ำของดับเบิลฟลอร์ มีขนาดความกว้างของหน้าไม้ที่ 9 นิ้ว และ ยาว 1.40 เมตร ต่อแผ่น ผิวหน้าเป็นลวดลายไม้ที่เหมือนจริง ด้วยนวัตกรรม Registered Emboss คือการผลิตลวดลายที่ผิวหน้าพื้นไม้กันน้ำให้มี texture หรือ ลวดลายที่เหมือนจริง และมีสีให้เลือกมากถึง 8 สี (https://www.doublefloor.co.th/our-products/พื้นไม้กันน้ำ/) โดยคุณสมบัติเด่นอีกประการคือ พื้นไม้กันน้ำของ ดับเบิลฟลอร์ รองด้วยโฟมดำ ทำให้มีความหนารวมมากถึง 7 มิลลิเมตร ผิวสัมผัสนุ่ม ดูสวยงาม และ ทันสมัย สามารถใช้ติดตั้งแทนพื้นไม้ลามิเนตเดิมได้เลย โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำ และ ความชื้นอีกต่อไป ลูกค้าหลายท่านรีโนเวทพื้นบ้าน และ ห้องคอนโด สำหรับปล่อยเช่า โดยหันมาเลือกพื้นไม้กันน้ำ มากขึ้น เนื่องจากพื้นไม้กันน้ำเป็นวัสดุที่มีความคงทนสวยงาม ทำให้ห้องดูมีราคาแพง และ ไม่ต้องรื้อรีโนเวทพื้นห้องหลังจากที่ผู้เช่าหมดสัญญาบ่อยๆจากปัญหาเดิมๆ คือพื้นไม้บวมน้ำจากความชื้น และ น้ำ

พื้นเซรามิก (Ceramic) หรือ พื้นกระเบื้อง นั้น ค่าใช้จ่าย ในการติดตั้ง ค่อนข้างสูง เนื่องจากจะต้องมีการ เทปูน และยาแนว นอกจากนั้น กระเบื้องคุณภาพดี และลายสวยๆ ยังมีราคาแพงอีกด้วย ตัวกระเบื้องมีคุณสมบัติเก็บความเย็น จึงไม่เหมาะกับบ้านที่มีผู้ใหญ่อาศัยอยู่ เนื่องจากความเย็นที่พื้น ไม่ส่งผลดีให้กับข้อเท้าของสมาชิกในครอบครัว นอกจากนั้น กระเบื้อง หรือ เซรามิก ยังมีน้ำหนักมาก จึงไม่เหมาะสมในการเลือกเป็นวัสดุเพื่อนำมา renovate ชั้นบนของอาคาร หรือ คอนโดมิเนียม หากอาคารนั้นๆ ไม่ได้สร้างมาเพื่อรองรับน้ำหนักที่เหมาะสม นอกจากนี้ วัสดุกระเบื้องนั้นยังยากต่อการซ่อมแซม เนื่องจากการติดตั้งด้วยปูน จึงต้องกระเทาะออก ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง นอนขากนั้นยังมีปัญหา ยาแนวหลุดร่อนได้เมื่อมีการใช้ไปซักระยะหนึ่ง

พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Flooring) จุดแข็งข้อสำคัญของวัสดุปูพื้น พื้นไม้ลามิเนต คือ ราคาที่ถูกกว่าพื้นไม้จริงอยู่หลายเท่า และ การใช้วัสดุพื้นไม้ลามิเนตยังเป็นการลดการตัดไม้ทำลายป่าไปในตัว ด้วยราคาพื้นไม้ลามิเนตที่ถูกกว่า แต่ยังให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาตติ เหมือนวัสดุพื้นไม้จริง จึงทำให้พื้นไม้ลามิเนตเป็นที่นิยมอย่างมากในหลายๆประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงในประเทศไทยของเราอีกด้วย เราจะเห็นวัสดุพื้นไม้ลามิเนตหลายในหลายๆอุตสาหกรรมเป็นวงกว้าง เช่น คอนโดมิเนียม อพาตเม้นต์ บ้านเดี่ยว บ้านทาวโฮม บ้านแฝด ในอาคาร สำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หน่วยงานราชการ หรือแม้กระทั่งในโรงงานอุตสาหกรรมเอง ยังไช้พื้นไม้ลามิเนตกันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้อายุการใช้งานของพื้นไม้ลามิเนตยังยาวนานนับสิบปี อีกด้วย การติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตที่รวดเร็ว แต่คงทน ทำให้วัสดุพื้นไม้ลามิเนตเป็นวัสดุชูโรงของวัสดุปูพื้นทั้งหลายมานานับสิบปี แม้กระทั่งปัจจุบัน พื้นไม้ลามิเนตยังถูกใช้อย่างแพร่หลาย และมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก พื้นไม้ลามิเนตในปัจจุบันถูกพัฒนาให้มีความแข็งแรง คงทนสูง กันปลวก และความชื้นได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ผิวหน้าลวดลายของพื้นไม้ลามิเนตยังถูกพัฒนาให้เหมือน