“โฮมฮับ” ขอนำเสนอ
การเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ของบ้านทั้งในเรื่องประเภท ขนาด รูปแบบ ผิวสัมผัส และโทนสี วัสดุตกแต่งพื้นบ้านในปัจจุบัน มีมากมายหลายประเภท ทั้งยังมีสารพัดรูปแบบ สีสัน และลวดลายอีกด้วย แต่หากพูดถึงวัสดุตกแต่งพื้นที่เจ้าของบ้านนิยมเลือกใช้กันคงหนีไม่พ้นกระเบื้องปูพื้น ที่เป็น “กระเบื้องเซรามิก” เนื่องด้วยมีรูปแบบที่หลากหลาย เข้ากับการแต่งบ้านทุกสไตล์ อีกทั้งมีความแข็งแรง และทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
สิ่งสำคัญของการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นคือต้องคำนึงถึงการใช้งานและความปลอดภัย เป็นอันดับต้นๆ รองลงมาจึงเป็นด้านความสวยงาม และการดูแลรักษา ซึ่งเรามี 5 วิธีในการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นให้ถูกใจ และเหมาะกับแต่ละพื้นที่ มาแนะนำให้เจ้าของบ้านที่กำลังสร้างบ้านหรือปรับปรุงบ้านดังต่อไปนี้
1. เลือกกระเบื้องสำหรับปูพื้นเท่านั้น
เพราะพื้นต้องรับน้ำหนักทั้งผู้อยู่อาศัย เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของต่าง ๆ จึงต้องใช้กระเบื้องปูพื้นที่มีความแข็งแรง ซึ่งได้แก่ กระเบื้องประเภท Floor Tile ห้ามนำกระเบื้องบุผนังมาปูพื้นโดยเด็ดขาด) กระเบื้องเนื้อพอร์ซเลนที่มีทั้งแบบเคลือบสี หรือลวดลาย กับแบบที่ผิวหน้ากับตัวกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันซึ่งนิยมเรียกกันว่า
“กระเบื้องแกรนิตโต”
• กระเบื้อง Floor Tile มีความหนาประมาณ 6 มม. ลักษณะที่สังเกตได้ คือเนื้อจะมีสีน้ำตาลหรือสีขาวครีม
เคลือบสีและลวดลายที่ผิวหน้าทั้งแบบด้าน มัน และแบบหยาบ บางรุ่นมีผิวสัมผัสหรือร่องลายตามลวดลาย
กระเบื้องพอร์ซเลนเคลือบผิว มีความหนาประมาณ 10 มม. มีการเคลือบสี ลวดลาย ผิวสัมผัสทั้งแบบด้าน มัน และหยาบที่ผิวหน้า สามารถมองเห็นชั้นผิวกระเบื้องแยกกับเนื้อกระเบื้อง ได้อย่างชัดเจน มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ มีความแข็งแกร่งสูง ใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นได้ทั้งภายนอก และภายในบ้าน แต่หากมีการขูดขีดลึกถึงเนื้อกระเบื้องจะสังเกตเห็นได้ง่าย ไม่สวยงาม
กระเบื้องแกรนิตโต
เป็นเนื้อกระเบื้องพอร์ซเลนที่มีความหนาประมาณ 10 มม. เช่นกัน แต่จะมีผิวหน้าและตัวกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ในกรณีที่ผิวหน้ามีรอยขูดขีดหรือแตกกะเทาะจะมองเห็นได้ยาก พื้นผิวมีทั้งด้าน มัน และหยาบ ใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นได้โดยทั่วไปเช่นเดียวกับกระเบื้องพอร์ซเลน
2. เลือกกระเบื้องปูพื้นให้เหมาะกับพื้นที่การใช้งาน
• กระเบื้องปูพื้นภายนอก เช่น ทางเดินรอบบ้าน บันไดเข้าออกตัวอาคาร หรือที่จอดรถ ควรเลือกกระเบื้องปูพื้นที่มีความแข็งแกร่ง รับน้ำหนักได้ดี มีพื้นผิวหยาบ (ค่าการกันลื่นไม่น้อยกว่า R11) กระเบื้องไม่เคลือบเงา เพราะเมื่อฝนตก อาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้
กระเบื้องปูพื้นภายในบ้าน
สามารถเลือกกระเบื้องปูพื้นที่มีเนื้อแบบใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน แต่ถ้ามีผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก อาจเลือกเป็นกระเบื้องปูพื้นแบบเนื้อด้าน ไม่มันเงาเพื่อความปลอดภัย
กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ
ควรเลือกกระเบื้องที่มีผิวหน้าที่หยาบ และไม่เคลือบผิวเงา (ค่าการกันลื่นไม่น้อยกว่า R10) โดยหมั่นทำความสะอาดกำจัดคราบไขมันเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ไขมันสะสมที่พื้นผิวหน้าจนลื่น
3. เลือกใช้ขนาดกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะสมกับขนาดห้อง
สำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก อาจเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นแผ่นเล็ก ขนาด 12”x12”, 16”x16” หรือกระเบื้องปูพื้น
ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น ส่วนห้องที่มีขนาดใหญ่ สามารถเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นแผ่นใหญ่ได้ เช่น
ขนาด 24”x 24” หรือ 24”x48”
4. เลือกรูปแบบ ลวดลาย และโทนสีกระเบื้องปูพื้นให้เข้ากับสไตล์บ้าน
รูปแบบและลวดลายของกระเบื้องมักจะสัมพันธ์กัน อย่างเช่น กระเบื้องลายหินมักเป็นกระเบื้องสี่เหลี่ยมแผ่นใหญ่
กระเบื้องลายไม้มักเป็นกระเบื้องสี่เหลี่ยมแผ่นยาว (ลักษณะเหมือนไม้กระดาน) กระเบื้องลายกราฟิกอาจมีรูปทรงอื่น อย่างหกเหลี่ยม การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับสไตล์การตกแต่งบ้าน เช่น กระเบื้องลายหินจะเหมาะกับสไตล์โมเดิร์น
คลาสสิก ร่วมสมัย โดยถ้าเป็นผิวเงาจะทำให้ดูหรูหรามากขึ้น กระเบื้องลายไม้เหมาะกับการตกแต่งแนวธรรมชาติ หรือแนวร่วมสมัย ทั้งยังให้ลุคโมเดิร์นได้ด้วย
ด้านโทนสี สำหรับกระเบื้องปูพื้นโทนสีอ่อนจะเหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร เพราะหากนำไปใช้งานนอกอาคาร ผิวกระเบื้องต้องสัมผัสกับแดด ลม และฝนตลอดเวลา อาจทำให้เกิดรอยด่าง รอยขีดข่วน และคราบต่างๆ ที่สังเกตเห็นได้ง่าย อย่างไรก็ดี กระเบื้องปูพื้นโทนสีอ่อนทำให้ห้องดูสว่างตา และยังช่วยทำให้พื้นที่ห้องขนาดเล็กหรือแคบดูกว้างขึ้นได้ ส่วนกระเบื้องปูพื้นโทนสีเข้ม เหมาะกับพื้นที่นอกอาคาร ที่ต้องโดดแดดฝนอยู่บ่อยๆ เพื่อไม่ให้สังเกตเห็นรอยต่างๆ ได้ชัดมากนัก หรือพื้นที่ภายในบ้านบริเวณที่ต้องรองรับการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือวางสิ่งของจำนวนมากๆ พื้นผิวที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี คราบน้ำมัน น้ำ อยู่บ่อยๆ เช่น ห้องครัว โรงรถ ห้องน้ำ ระเบียง เพราะกระเบื้องปูพื้นในโทนสีเข้มจะช่วยลดปัญหาในการ ทำความสะอาด ดูแลรักษาง่าย
5. เลือกเกรดกระเบื้องปูพื้นตามการใช้งาน
โดยทั่วไปกระเบื้องปูพื้นที่ขายในท้องตลาดจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกรดหลักด้วยกัน คือ
กระเบื้องปูพื้นเกรด A คือกระเบื้องที่สมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซนต์ ไม่มีตำหนิเลยถือเป็น Premium Grade
กระเบื้องปูพื้นเกรด B คือกระเบื้องมีตำหนิ (ไม่เกิน 3 จุด) แต่สังเกตได้ยาก ราคาต่ำกว่า เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่จำเป็น
ต้องโชว์ความสวยงาม เช่น ห้องเก็บของ ใต้เคาน์เตอร์ครัว
นอกจากการเลือกกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะสมและถูกใจแล้ว ในการซื้อกระเบื้องปูพื้นแต่ละครั้งควรซื้อมากกว่าที่ คำนวณไว้ประมาณ 5-10% (ขึ้นอยู่กับพื้นที่ รูปแบบการปู และขนาดกระเบื้อง) เผื่อการตัดเศษ หรือแตกหักระหว่าง การติดตั้ง และควรเป็นกระเบื้องล็อตผลิตเดียวกัน ที่หน้างานควรเตรียมพื้นที่กองเก็บจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ปลอดภัย ก่อนติดตั้งควรตรวจสอบรอยแตกร้าวหรือจุดตำหนิในแต่ละแผ่นทุกครั้ง และที่สำคัญควรติดตั้งกระเบื้องปูพื้นให้ถูกวิธี เพื่อให้ได้บ้านสวยตามต้องการ ทั้งยังใช้งานได้คุ้มค่า ยาวนาน
แวะชมสินค้าของเราได้ที่ www.homehub.co.th